การรับบุตรบุญธรรมคืออะไร
การรับบุตรบุญธรรมเป็นหน้าที่ตามกฎหมายระหว่าง บิดามารดาที่แท้จริงกับผู้รับบุตรบุญธรรม การรับบุตรบุญธรรม มีผลทำให้สิทธิและหน้าที่ในฐานะบิดามารดาที่แท้จริงโอนไปยังผู้รับบุตรบุญธรรม
วิธีการรับเด็กไทยเป็นบุตรบุญธรรม
ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะรับเด็กไทยเป็นบุตรบุญธรรมสามารถกระทำได้ ดังนี้
การแสดงความจำนงขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
1. ชาวต่างประเทศที่มีภูมิลำเนาในต่างประเทศ ให้ยื่นคำขอต่อส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของประเทศที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนาหรือหน่วยงานที่รัฐบาลของประเทศนั้นมอบหมาย หรือองค์การสวัสดิภาพเด็กที่รัฐบาลของประเทศนั้นอนุญาตให้ดำเนินการเพื่อให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ
2. ชาวต่างประเทศที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมีหลักฐานหนังสือสำคัญประจำตัวต่างด้าว ให้ยื่นคำขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรธรรม (Child Adoption Centre) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงความมั่นคงและทรัพยากรมนุษย์ กรุงเทพมหานคร โทร 02- 2468651 โทรสาร 02-2479480
3. ชาวต่างประเทศที่มีถิ่นที่อยู่ชั่วคราวในประเทศไทยและมีหนังสืออนุญาต การทำงานจากกรมแรงงานมาแสดง และอาศัยในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนวันยื่นคำขอ และมีระยะเวลาสำหรับการทดลองเลี้ยงดูเด็กในประเทศได้ครบกำหนด ให้ยื่นคำขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม โดยเอกสารต่าง ๆ จะต้องได้รับการรับรองจากสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุล ประจำประเทศไทยของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมนั้นด้วย
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ขอรับเด็ก
1 ผู้ขอรับเด็กจะต้องมีอายุเกินกว่า 25 ปี และต้องอายุมากกว่าเด็กอย่างน้อย 15 ปี
2 จะต้องมีคู่สมรส เว้นแต่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย
3 จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ตามกฎหมายของประเทศ
ที่ผู้ขอรับมีภูมิลำเนาอยู่ และจะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย
เอกสารของผู้รับบุตรบุญธรรมมีดังต่อไปนี้
ผู้ขอรับเด็กต้องติดต่อส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือหน่วยงานที่รัฐบาลประเทศนั้นมอบหมาย หรือองค์การเอกชนที่รัฐบาลของประเทศนั้นอนุญาตให้ดำเนินการเรื่องบุตรบุญธรรม เพื่อจัดหาเอกสารต่างๆ ดังนี้
1 รายงานการศึกษา ภาพครอบครัวของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
2 หนังสือรับรองความเหมาะสมที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
3 หนังสือรับรองว่าจะทำการควบคุมการทดลองเลี้ยงดูและส่งรายงานผลการทดลองเลี้ยงดูมาให้กรมประชาสงเคราะห์ไม่เกินสองเดือนต่อครั้ง เป็นระยะเวลาหกเดือน
4 แบบคำขอรับบุตรบุญธรรม (Application Form)
5 เอกสารรับรองสุขภาพของผู้ขอรับเด็กจากแพทย์
6 เอกสารรับรองการสมรส
7 ทะเบียนหย่า (กรณีได้เคยสมรสมาก่อน)
8 เอกสารรับรองอาชีพและรายได้
9 เอกสารรับรองการเงิน
10 เอกสารรับรองทรัพย์สิน
11 เอกสารรับรองจากผู้อ้างอิง 2 คน
12 รูปถ่ายขนาด 4.5 X 6 ซ.ม. คนละ 4 รูป
13 เอกสารการตรวจคนเข้าเมืองที่ประเทศนั้นรับรองการอนุญาตให้เด็กเข้าประเทศได้
14 กรณีติดต่อผ่านองค์การสวัสดิภาพเด็กเอกชนจะต้องมีสำเนาในอนุญาตขององค์กร และหนังสือจากหน่วยงานรัฐบาลซึ่งรับรององค์กรนั้น ๆ ด้วย
ทั้งนี้ เอกสารทุกฉบับดังกล่าวข้างต้นจะต้องได้รับการรับรองโดยสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่ผู้ขอรับเด็กอยู่หรือจัดส่งผ่านช่องทางทางการทูตเอกสารใดที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษจะต้องแนบคำแปลภาษาอังกฤษหรือแปลเป็นภาษาไทยและรับรองโดยนักแปลผู้ผู้ได้รับอนุญาติ ในกรณีที่ผู้ขอรับบุตรบุญธรรมพำนักอยู่ในประเทศอื่น ต้องมีเอกสารแสดงที่อยู่และระยะเวลาไม่น้อยกว่าหกเดือนเพื่อที่จะดูและเด็กก่อนที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรม
เอกสารของผู้ปกครองเด็กมีดังต่อไปนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
2. ทะเบียนบ้าน
3. ทะเบียนสมรส
4. ทะเบียนหย่าและคำสั่งศาลหรือสัญญาหย่าที่ตกลงเกี่ยวกับการดูแลเด็ก
5. หนังสือรับรองจากสำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอตามแบบ ปค.14 รับรองว่าบิดามารดาเด็กมิได้จดทะเบียนสมรสกัน บิดาเด็กไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตรและได้เลิกร้างกันไปเป็นเวลานานกี่ปีด้วย
6. หนังสือแสดงความยินยอมของผู้มีอำนาจให้ความยินยอม (แบบ บธ.5)
7. บันทึกสอบปากคำตามแบบ ปค.14
8. รูปถ่ายขนาด 4.5 X 6 ซ.ม. ของบิดามารดาเด็กคนละ 1 รูป
9. เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามีหรือจำเป็นต้องขอเพิ่ม) เช่นใบมรณะบัตร หรือใบปลี่ยนชื่อ
เอกสารของเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีดังต่อไปนี้
1. สูติบัตรเด็ก
2. ทะเบียนบ้านเด็ก
3. รูปถ่ายเด็กขนาด 4.5 X 6 ซ.ม. 1 รูป
4. หนังสือแสดงความยินยอมของเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม (แบบ บธ.6)
5. เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามีหรือจำเป็นขอเพิ่ม)
ขั้นตอนการดำเนินการ
1 เมื่อเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ได้ครบสมบูรณ์แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ (นักสังคมสงเคราะห์) จะพิจารณาว่าผู้ขอรับเด็กมีคุณสมบัติตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าผู้ขอรับเด็กมีคุณสมบัติเหมาะสม มีฐานะความเป็นอยู่ดี มีอุปนิสัยดี ความประพฤติดี อาชีพรายได้ดี ฐานะของครอบครัวดี ตลอดจน สุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจสมบูรณ์เหมาะสมที่จะรับเด็กไปอุปการะเลี้ยงดูได้ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็จะประมวลรายละเอียดต่างๆ เสนอให้อธิบดีพิจารณาก่อนเสนอคณะกรรมการการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมพิจารณาอนุมัติคุณสมบัติผู้ขอรับเด็ก หากเป็นกรณีที่มอบเด็กให้กันเอง คณะกรรมการ ฯ จะพิจารณาเด็กควบคู่ไปในคราวเดียวกันด้วยเลย
2 กรณีที่ขอรับเด็กกำพร้าของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เมื่อคณะกรรมการการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมพิจารณาอนุมัติคุณสมบัติผู้ขอรับเด็กแล้วคณะกรรมการการคัดเลือกเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมจะพิจารณาคัดเลือกเด็กกำพร้าของกรม ฯ ให้แก่ผู้ขอรับตามบัญชีก่อนหลัง
3 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะแจ้งประวัติเด็กพร้อมรูปถ่ายให้ผู้ขอรับพิจารณาผ่านหน่วยงานที่ติดต่อเรื่องนี้มา
4 เมื่อผู้ขอรับแจ้งตอบรับเด็กให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการทราบแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะเสนอให้คณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมพิจารณาอนุมัติให้ผู้ขอรับเด็กรับเด็กไปทดลองเลี้ยงดู โดยขออนุญาตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและทรัพยากรมนุษย์ก่อนนำเด็กออกไปนอกราชอาณาจักรไทยเพื่อทดลองเลี้ยงดู
5 เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและทรัพยากรมนุษย์อนุญาต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะนัดหมายให้ผู้ขอรับเด็กมารับการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และรับเด็กไปทดลองเลี้ยงดูเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในต่างประเทศจะทำการควบคุมการทดลองเลี้ยงดูและส่งรายงานผลการทดลองเลี้ยงดูมาให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 2 เดือนต่อครั้ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน
6 เมื่อทดลองเลี้ยงดูมาครบ 6 เดือน และมีรายงานผลการทดลองเลี้ยงดูมาครบ 3 ครั้ง ซึ่งหากปรากฏว่าผลการทดลองเลี้ยงดูเป็นที่น่าพอใจ เด็กอยู่อาศัยกับครอบครัวผู้ขอรับอย่างมีความสุข พนักงานเจ้าหน้าที่จะสรุปรายงานเสนอคณะกรรมการ ฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ผู้ขอรับไปดำเนินการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายได้
7 ผู้ขอรับจะต้องไปดำเนินการขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมที่สถาน เอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกงสุลไทยที่ผู้ขอรับเด็กมีภูมิลำเนาอยู่โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะมีหนังสือขอความร่วมมือไปยังกระทรวงการต่างประเทศผ่านกระทรวงความมั่นคงและทรัพยากรมนุษย์ เพื่อแจ้งสถานเอกอัครราชทูตไทย หรือสถานกงสุลไทยทราบ พร้อมกันนี้ก็แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้กับผู้ขอรับเด็กได้ทราบพร้อมกันนั้นด้วย
กรณีที่ผู้ขอรับเด็กอยู่ในประเทศไทย การจดทะเบียนสามารถดำเนินการได้ที่สำนักงานเขต ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ซึ่งเป็นการร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้เช่นเดียวกับการขอบุตรบุญธรรมไทย
8 กระทรวงการต่างประเทศ จะส่งสำเนาภาพถ่ายเอกสารทะเบียนการรับบุตร บุญธรรม (คร.14) จำนวน 1 ชุด มาให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าการดำเนินการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ขอรับเด็ก (แต่ละราย) ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกประการ และสำหรับผู้ขอรับเด็กที่อยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะขอสำเนาภาพถ่ายเอกสารทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม (ดร.14) จำนวน 1 ชุด จากผู้ขอรับเด็กไว้เป็นหลักฐานแสดงว่าการดำเนินการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ผู้ขอรับเด็ก (แต่ละราย) ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วเช่นกันนั้นด้วย
องค์การสวัสดิภาพเด็ก
พระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. 2522 มาตรา 6 บัญญัติไว้ว่า “ห้าม มิให้บุคคลใดนอกจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการส่วนราชการที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการมอบหมาย หรือองค์การ สวัสดิภาพเด็กที่ได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีดำเนินการเพื่อให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม” และมาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า “องค์การสวัสดิภาพเด็กที่ประสงค์จะดำเนินการเพื่อให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตจากอธิบดี…..”
ปัจจุบันองค์การสวัสดิภาพเด็กเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเพื่อให้มีการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการมี 4 องค์การด้วยกัน คือ
1. สหทัยมูลนิธิ
2. มูลนิธิมิตรมวลเด็ก
3. มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพัทยา
4. มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย
หมายเหตุ
1. การขอรับเด็กไทยเป็นบุตรบุญธรรมของคนกรีกหรือมอลต้าควรจะได้กระทำผ่านหน่วยงานของกรีซหรือมอลต้าที่เกี่ยวกับเยาวชน ในเมืองที่บุคคลนั้นอาศัยอยู่ก่อนเพื่อประโยชน์ในการขอตรวจลงตราเข้ากรีซหรือมอลต้าของเด็ก และควรจะติดต่อไปยังกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการของไทยไปพร้อมกันด้วย
2. เมื่อได้ดำเนินการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมกับทางการไทยเป็นที่เรียบร้อย และประสงค์จะให้เด็กมาใช้นามสกุลของบิดาบุญธรรม ก็สามารถกระทำได้ โดยนำหลักฐานการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมไปยื่นแก่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์เพื่อยื่นขอแก้ไขนามสกุลโดยการยื่นขอใช้นามสกุลบิดาบุญธรรมในหนังสือเดินทางเล่มใหม่ และเมื่อเดินทางกลับไทย ก็ให้นำหลักฐานการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมไปยื่นที่อำเภอภูมิลำเนาเพื่อยื่นแก้ไขนามสกุลในทะเบียนบ้านต่อไป